เรื่องจริงอิงนิทาน ตอน ผีพระ ตอนที่ 5
ขณะที่อาตมานอนไม่ทันจะหลับ พอเคลิ้ม ๆ ก็ปรากฏว่ามีพระองค์หนึ่งรูปร่างดำ ๆ ใหญ่โตเดินเฉียดมุ้งเข้ามา มาถึงก็เตะเท้า พอเตะเท้าปุ๊บก็ร้องว่า เฮ้ยไอ้พวกเปรต ๑๓ จำพวก นี่ตามธรรมดาเปรตในหลักสูตรของพระพุทธศาสนามี ๑๒ จำพวก แต่แกก็ด่าว่าไอ้เปรต ๑๓ จำพวก ก็เลยนึกในใจว่า เออนี่เขาด่าเรานี่น่าไม่ใช่เขาด่าคนอื่น ไอ้เปรต ๑๒ จำพวกนั่นมันมีอยู่แล้ว ก็เหลือเปรตอีกพวกเดียว พวกที่ ๑๓ จะเป็นใคร ก็เป็นเราแน่ ก็เลยลืมตาดูซิว่า เขาจะทำอะไร รู้แล้วว่าพระองค์นี้ไม่ใช่คนหรอก ผีแน่ แล้วที่เขาแสดงอยู่อย่างนั้น ไม่ใช่มืด ไฟฟ้าเปิดสว่าง ใช้เครื่องกำเนินไฟฟ้าจุดเปิดสว่างตลอดคืนเห็นตัวก็ชัด แล้วก็เห็นคนที่เขานอนเป็นเพื่อนชัด เพราะอะไร เพราะไฟฟ้าหลายดวงแล้วเขายืนเฉยประเดี๋ยวหนึ่ง ประเดี๋ยวรูปร่างของคนก็หายไป กลายเป็นหมู รูปร่างเหมือนหมู ๔ เท้า แต่ว่าหัวน่ะเป็นงู จากคอมาถึงหัวนี่เป็นงู มุดหัวเข้ามาในมุ้งทำท่าจะกัดท้อง ทีนี้ผู้พูดเองก็มองดู ลืมตาดู เขาทำอ้าปากแล้วขยับปากปั้บ ๆ ๆ ๆ ๆ เข้าไปใกล้ท้อง ทำท่าจะกัด ก็เลยบอกว่า นี่เก่งจริงเชิญกัดซี ถ้าแกเก่งจริงละแกกัดข้าซี ไอ้ผีอย่างแกนี่นะ
ข้าปราบมาเยอะแล้ว ประเดี๋ยวข้อจะจับขาฟาดเสียนี่ อะไรนี่ เขามาทำความดีนี่หาทางกลั่นแกล้ง แก่ใช่ไหมไอ้ที่แกล้งทำให้ฝนจกเมื่อตอนกลางวัน เขาก็เลยบอกว่าใช่ อีตอนนี้เขากลับไปเป้นคนแล้ว บอกว่าใช่ ถามว่าแกแกล้งทำไม เขาก็เลยบอกว่าอยากไม่บอกทำไม ก็เลยถามว่านี่เขาบอกเขาบวงสรวงเขาเชิญแล้วนะ แกไปมุดหัวอยู่ที่ไหน นี่แกเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดนี่นะ ข้ารู้นะ ทำไมถึงทำตนเป็นอันธพาล เราสร้างวัดนี้ให้รุ่งเรืองมาวาระหนึ่งแล้ว แล้วก็วัดนี้ทรุดโทรมไป กุฏิก็พังจะหมดอยู่แล้ว ปลวกกินขนาดผุนี่เขาจะมาช่วยกัน เราน่าจะช่วยกันส่งเสริมให้ดีขึ้น แล้วทำไมมาแกล้งกันแบบนี้ เขาก็บอกว่าช่วยแล้วนี่ ช่วยหาสตางค์ไงล่ะ ถามว่ามาแกล้งทำไม เขาบอก อยากแกล้ง แน่ะ พูดแบบนักเลงผีนักเลง เขาบอกว่าอยากแกล้ง ถามว่าอยากแกล้งเพื่อประโยชน์อะไร เขาว่าบอกก็ไม่เจาะตัวนี่ ก็เลยว่าแกไม่ได้บอกชื่อข้านี่ว่าแกชื่ออะไร แล้วข้าจะไปรู้แกยังไง เขาเชิญแบบนี้เขาทำแบบนี้ มันก็ควรจะมาพร้อมกัน คนอื่นเขาไม่เกี่ยวข้องเขายังมา ก็ไอ้แกเป็นเจ้าวัดนี่ความจริงไม่น่าจะต้องเชิญหรอก มันควรจะมา เขาก็นิ่ง เขาทำอะไรไม่ได้
เขาก็ลุกขึ้นยืนหันหน้าไปทางสายใต้ ทิศใต้ แล้วร้องตะโกนมาดัง ๆ ถามมึงเป็นลูกษิษย์พระหรือโว้ย เท่านั้นแหละ แล้วเขาก็ขายไป
เมื่อเขาหายไปแล้วผู้พูดก็นอนหลับ มันเพลียมาตั้งแต่ตอนกลางวัน พอเวลา ๖ โมงเศษ ๆ ก็ตื่น เขาเอาข้าวต้มมาถวาย กำลังนั่งฉันข้าวต้ม นายวาด เปาเล้ง วิ่งเข้ามารายงาน บอกว่าแม่ยายป่วยหนักขอรับ ถามว่าป่วยเป็นโรคอะไร เขาบอกว่าพวกบ้านมาบอก คนที่อยู่บ้านมาบอก บอกว่าเป็นกลางคืน เมื่อประมาณตี ๔ เห็นจะได้ กะประมาณ ลุกขึ้นมาแล้วพูดไม่รู้เรื่องเลย สตสตังไม่ดีไปหมด คนที่ว่านี้ก็คือโยมเผือกเป็นคนที่เป็นกำลังใหญ่ในการสร้างโบสถ์ หมายความว่า ถ้าขาดเท่าไร แกรับบ๊วย นี่กำลังสำคัญมาก ถามว่านายวาดจะเอาแกไปไหน ตอบว่าจะเอาแกไปโรงพยาบาลครับ เลยบอกว่าเดียวก่อน นายวาดไปบ้านก่อนได้ แต่ว่าอย่าพึ่งเอาโยมเผือกไปนะ ประเดี๋ยวฉันจะตามไป ให้ฉันไปเสียก่อน ไปหาเสียก่อน ฉันสั่งยังไงค่อยทำอย่างงั้น เวลานี้ฉันกำลังฉันข้าวต้มอยู่ ฉันฉันอิ่มแล้วก็จะไปทันที เขาก็ลงเรือไปก่อน พอผู้พูดฉันข้าวต้มเสร็จก็ไปเหมือนกัน พอไปถึงนายวาดบอกตอนแกไปถึงยังพูดอยู่ แต่พูดไม่รู้เรื่อง อะไรก็พูดแต่วัด ๆ อะไรก็วัด จะเป็นอะไรยังไงก็ตาม เรื่องที่นำมาพูดคนอื่นไม่รู้เรื่อง แต่ใครมาถามเรียกพ่อเรียกแม่
ไม่ยอมรับเป็นแม่ของใคร เป็นยายของใคร บอกว่าข้าไม่ใช่แม่เอ็ง ข้าไม่ใช่ยายเอ็ง พวกนั้นก็แน่ใจแล้วว่าไม่ใช่โรคประสาท คงจะเป็นเรื่องของผีเมื่อผู้พูดขึ้นไปถึงเขาเลยเงียบไม่พูด เขาไม่พูดละเขานั่งเฉย ๆ ถามว่ามายังไง นั่งเฉย มาธุระอะไรมาโกงคนแก่ทำไม เขาก็นั่งเฉย เป็นอันว่าไม่พูด ก็เลยพูดขึ้นมาลอย ๆ ว่า นี่ เราพบกันแล้วนะเมื่อตอนดึก แล้วบอกให้มาช่วยกันนะ นี่โยมเผือกน่ะ แกเป็นกำลังใหญ่ ทั้งลูกทั้งแม่ทั้งหลายทั้งตระกูลน่ะแหละ โบสถ์หลังนี้ถ้าใครให้เงินไม่พอเท่าไร เขาจะช่วยให้เสร็จ เรามาแกล้งเขาทำไม นี่แกล้งฉันมาแล้วไม่พอ ยังมารังแกผู้หญิง ไอ้คนแบบนี้ เสียศักดิ์ศรี ถ้าเป็นพระก็หาศีลไม่ได้ เขาก็หันหน้ามามอง คล้าย ๆ ไม่พอใจ ถามว่าไม่พอใจรึ เขาก็ไม่พูด บอกเอาเราเลิกกัน เลิกแกล้งผู้หญิง มีอะไรไปพูดกับฉันที่วัด นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนะ อย่ารังแกใครเป็นอันขาดนะ ถ้ารังแกคนอื่นเมื่อไร ก้เป็นอันว่าต้องเกิดเรื่องกัน ท่านกับผมต้องเป็นศัตรูกัน จะเป็นใครผมไม่เห็นสำคัญ ผมไม่เห็นมีความสำคัญ เรื่องผีนี่ไม่เคยกลัว เคยปราบมาเยอะแล้ว เอ้าพวกเราเอาน้ำมาสักขันซี เจ้าบ้านเขาก็ตักน้ำมาขันหนึ่ง
ขันลงหินขนาดใหญ่ มาทำน้ำมนต์ให้เขา ก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก ก็ว่าอิติปิโส ภควา ส่งเดช รู้แล้วว่าเขาไม่กลัว พอส่งน้ำมันให้เขาก็กินหมดขันเลย คนธรรมดากินไม่ได้ กินแล้วเห็นจะแย่ ดื่มรวมเดียวหมดขัน พอหมดขันแล้วเขาก็วางขันบอกว่าหวานจัง ก็เลยบอกว่า นี่ฉันจะกลับวัดละนะ พวกเราไม่ต้องเอาโยมเผือกไปโรงพยาบาล ถ้ามีเรื่องอะไรอีกบอกฉัน ก่อนจะกลับก็เลยบอกว่านี่ไปวัดด้วยกัน เลิก เลิกมารบกวนชาวบ้าน ไปด้วยกันเดี๋ยวนี้นะ พอบอกเขาแล้วก็ลงเรือมา ทางบ้านรายงานว่า พอลงเรือมาโยมเผือกก็หาย หายจากอาการที่เป็น ก็ถามแกว่าเป้นยังไง แกก็บอกเอ๊ะไม่ได้เป็นยังไง ฉันหลับอยู่นี่ ฉันหลับสบาย ทีนี้พอตอนสายแกก็ตามมาที่วัด เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงตรงนั้น เป็นอันว่าการหารเงินในการสร้างโบสถ์ของวัดนั้นต้องอาศัยพระองค์นี้ เรื่องอื่นจะไม่พูดให้ฟังเพราะใกล้ชั่วโมงไปแล้ว เล่ากันฟังย่อ ๆ เป้นอันว่านี่ก็ผีเหมือนกัน เป็นผีที่ผู้พูดประสบมาเอง แล้วท่านที่ไม่เคยพบผี จะหาว่าผู้พูดน่ะโกหกท่านก็ตามใจ แต่ว่าถ้าใครมาถามก็บอกว่าพบมาอย่างนี้แหละ อย่างนี้ต้องเรียกว่าผี เพราะเป็นอทิสมานกาย แล้วท่านผู้ฟังจะมีความเห็นเป็นประการใดก็ตามแต่ท่านเถอะนะ
อ้างอิงข้อมูลจากหนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน เล่ม ๑ โดย หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ครับ |