เรามาต่อเรื่องเหล็กไหลกันต่อเลยนะครับ
เหล็กไหลซึ่งมีกำเนิดขึ้นพร้อมกับลัทธิฤาษี ถ้านับมาจนถึงปัจจุบันนี้ก็ประมาณ ๗
พันปีแล้ว เริ่มต้นที่กัสสปฤาษี
ผู้มีฌานหรือพลังอำนาจทางจิตในระดับฌาณปฎิบัติตนอยู่ในถ้ำได้เพ่งฌานเรียกแร่ชนิดห
นึ่ง ซึ่งมีลักษณะแข็งตัวได้ หลอมเหลวได้ แยกตัวได้ รวมตัวได้ มีนิวเคลียร์คล้ายเหล็ก
แต่ไม่ใช่เหล็ก เมื่อใช้พลังฌานดึงเอาแร่ชนิดนี้มารวมที่ผนังถ้ำแล้ว
ตัวแร่นี้จะยังไม่มีอิทธิฤทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น
เพราะเป็นแร่ที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติในบางแห่งบางถ้ำ
จะมีอิทธิฤทธิ์ก็ต่อเมื่อฤาษีกัสสปะบรรจุพลังฌานของตนเข้าไปในแร่นั้น
และจะสามารถยืดได้ หดได้ หายตัวได้ ละลายตัวได้
ต่อเมื่อฤาษีกัสสปะได้มรณภาพแล้ว ถอดวิญญาณขององค์ฤาษีเองเข้าไว้ในแร่นั้น
ทำให้แร่มีวิญญาญถือครอง แร่เหล็กนี้เปรียบเสมือนร่างกายของฤาษี
วิญญาณของฤาษีกัสสปะเข้าไปครองอยู่รวมกันเข้า จึงทำให้แร่มีอานุภาพยืดได้ หดได้
ละลายได้ หายตัวได้ เพิ่มน้ำหนักได้ มีชีวิตเหมือนสิ่งมีชีวิตทั่วไป
แต่ก็มีอภินิการเหนือสิ่งมีชีวิตทั้งปวง จึงเรียกกันว่า แร่เหล็กไหล
เป็นภาษาชาวบ้านทั่วไป
ต่อมาก็มีฤาษีองค์อื่นๆ ที่อยู่ในถ้ำต่างๆ กันในประเทศต่างๆกัน
ที่ปฎิบัติสมาธิจนได้ฌานถึงขั้นตั้งแต่รูปฌานขึ้นไป
มักจะปฏิบัติเช่นเดียวกันกับฤาษีกัสสปะจึงก่อให้เกิดมีเหล็กไหลขึ้นมากมายหลายถ้ำ
สะสมกันมาเรื่อยๆ จนมาถึงปัจจุบันนี้
ฤาษีที่ปฎิบัติทางจิตจนได้ฌานนั้น มักจะแปลงร่างของตนเป็นเสือ (พยัคฆา)
หรือเสือสมิง ซึ่งส่วนใหญ่จะเรียกกันว่า สมิง ฤาษีที่ได้ฌานชั้นนี้
บางองค์ก็จะใช้พลังฌานเพ่งตามผนังถ้ำ เพดานถ้ำ
เพื่อดึงเอมแร่เหล็กไหลมารวมกันไว้เป็นจุดๆ และจะถอดวิญญาณเข้าไปในแร่นั้น
ทั้งในตอนที่มีชีวิตอยู่หรือมรณภาพแล้ว ฤาษีที่สามารถแปลงร่างเป็นพยัคฆ์หรือสมิงได้
ดังกล่าวมาแล้ว และเมื่อถอดวิญญาณเข้าไปไว้ในแร่เหล็กไหลแล้ว
วิญญาณมักจะถูกเรียกกันว่า สมิงเหล็ก
สีของเหล็กไหล
เหล็กไหลมีอยู่หลายสีด้วยกัน แต่สีที่เป็นหลักสำคัญมีอยู่ ๗ สี คือ
1. สีเขียวปีกแมลงทับ หรือเขียวขนเป็ด หรือ เขียวมรกต
2. สีท้องปลาไหล หรือสีน้ำตาลอ่อน
3. สีน้ำตาลไหม้ หรือเปลือกมังคุด
4. สีเงินยวง หรือขาวกว่าเนื้อแร่เงินบริสุทธิ์
5. สีทองคำ
6. สีดำนิล
7. สีผสม คือ ๔ สีหลักข้างต้นผสมกัน ทำให้เกิดสีแปลกๆ ขึ้นมาได้
เหล็กไหลทุกองค์จะมีผิวเป็นมันสะท้อนแสงได้
เมื่อแช่น้ำในภาชนะจะเห็นเป็นลักษณะโปร่งใส
แทบจะมองไม่เห็นองค์เหล็กไหลเลย
ในวันถัดไป เราจะมาต่อในเรื่องของเหล็กไหลกันอีกนะครับ
และทั้งนี้ก็ต้องขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับเหล็กไหล จากหนังสือ เหล็กไหล โลหะมหัศจรรย์ ของนายประสิทธิ์ ไชยทองพันธ์ ด้วยครับ
สำหรับวันนี้เราพอแค่นี้ก่อนนะครับ