เรื่องจริงอิงนิทาน ตอน เจ้าด้วน ตอนที่ 3
นี่เป็นอันว่าจะไปเที่ยวผ่านทางนี้ละก็ คนสมัยนั้นที่เป็นหนุ่มและคนแก่ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๗๐ เศษ ๆ ความจริงตาด้วนแกมีอายุก่อนนั้นนะ ทุกคนรู้จักนายด้วนดี แล้วมาคราวหนึ่ง นายด้วนนี่ แกแผลงฤทธิ์พิเศษ คือว่ามีคนหนึ่งชื่อป้าคร้าม ป้าคร้ามนี่ผู้พูดเรียกแกว่ายังงั้นนะ เคารพแกเรียกว่าป้าเพราะว่าเป็นรุ่นป้า แกพายเรือไปตอนเช้ามืดไปขายมะพร้าวทุกวันรับมะพร้าวจากสวนแล้วก็ไปขายที่หน้าวัดช่างเหล้ก หรือหน้าวัดเรไร เพราะว่าบรรดาเรือค้ามารอซื้อที่นั่น เช้ามืดวันหนึ่งเมื่อแกผ่านหน้าวัดเรไร หรือปากคลองบางละมาดจะออกไปวัดเรไร
จะออกคลองอีกคลองหนึ่งเขาเรียกว่า คลองชักพระพอผ่านสะพานไปก็ปรากฏว่าเรือแกวิ่งถอยหลัง แกหันหลังมาดูก็พบเจ้าด้วนนั่งอยู่ข้างตลิ่งมันทำมือยาวมาก ดึงท้ายเรือแก พอเรือมาถึงตลิ่งมันก็ปล่อย แกก็ผลักเรือกออกพายไปพอถึงกลางคลองเจ้าด้วนมันก็ดึงกลับมาอีก แกก็ร้องเอะอะโวยวายบอกเจ้าด้วน เอ็งจะมาแกล้งข้าทำไม เอ็งน่ะดีแต่มาแกล้งข้า ประเดี๋ยวไปขายของไม่ทันละก็ของมันจะเสียนะ ข้าจะขาดทุน เอายังงี้นะ เอ็งอย่ามัวนั่งแกล้งข้าเลย เอ็งช่วยข้าขายนะ เวลาไปขายของน่ะ ถ้าหากว่าเอ็งช่วยข้าขายหมด แล้วขายได้รวดเร็ว
พอไปถึงแล้ว พอไปถึงแล้วประเดี๋ยวเดียวขายได้หมดลำ ได้กำไรดีละก้อ ข้อจะซื้อข้าวผัดเอามาให้ เพราะว่าเอ็งชอบข้าวผัดใช่ไหม เจ้าด้วยเขาก็พยักตัว ไม่ใช่พยักหน้า ไม่มีหน้านี่ ไม่มีหัว แล้วก็ปล่อยไป แล้วก็ปรากฏว่ารูปร่างของเจ้าด้วนน่ะหายไปกับตา แกก็พายเรือออกไปจอดอยู่คลองชักพระหน้าวัดช่างเหล็ก ถึงเวลาเช้าพอดี อ้างอิงข้อมูลจากหนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน เล่ม ๑ โดย หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ครับ
เรื่องจริงอิงนิทาน ตอน เจ้าด้วน ตอนที่ 4
ก็พอดีเรือซื้อของเขามา มีเรือขายมะพร้าวหลายสิบลำที่นำมะพร้าวออกไปจากสวน แต่ว่าเรือที่ซื้อมะพร้าวทุกลำน่ะ มีความต้องการเรือลำนี้มาก มาถึงก็ตรงรี่เข้ามาให้ราคาสูง เป็นอันว่าป้าคร้ามก็ขายมะพร้าวได้รวดเร็ว แล้วขายหมดเป็นรายแรกแต่เช้าตรู่ ตามปกติแกต้องขายถึงเวลา ๑๐ น. หรือ ๑๑ น. จึงจะหมด แล้วก็ต้องพูดกันมาก การค้ามะพร้าววันนั้น ไม่ได้พูดราคากันเลย หมายความว่าเจ้าของมะพร้าวไม่ต้องตีราคา เมื่อเรือต้องการซื้อมาจอดเข้ามันก็บอกาคาเลยว่าเท่านั้นเท่านี้ ร้อยละเท่านั้นเท่านี้ ซึ่งมันเป็นราคาแพงก่วาปกติ ป้าคร้ามก็ยอมขาย เมื่อขายของหมดก็คิดว่านี่คงเป็นอานุภาพของเจ้าด้วน จึงได้แวะซื้อข้าวผัดมา พอถึงหน้าวัดเรไรก็ไปวางไว้ที่ตอไม้ต้นมะม่วง คือตอมะม่วงเขาถูกฟัน ตัดลงมาเหลือตอประมาณ ๑ เมตร ก็ไปวางไว้ที่นั้่น แล้วก็เรียกเจ้าด้วนมาว่า ด้วนเอ๊ย มากินข้าวผัดนะลูกนะ แล้วพรุ่งนี้มาช่วยกันขายใหม่นะ ถ้าเอ็งข่วยข้าขายทุกวัน ข้าจะเลี้ยงทุกวัน นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาก็ปรากฏว่าป้าคร้ามขายมะพร้าวได้ดี แล้วก็ต้องซื้อข้าวผัดมาให้เจ้าด้วนกินทุกวัน นี่เป็นเรื่องตอนหนึ่งของอานุภาพของเจ้าด้วนนะครับ อ้างอิงข้อมูลจากหนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน เล่ม ๑ โดย หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ครับ เรื่องจริงอิงนิทาน ตอน เจ้าด้วน ตอนที่ 5 แล้วมีอีกตอนหนึ่ง เพื่อนของผู้พูดนี่เองพายเรือไปหน้าวัดเรไร ผ่านสำนักงานเจ้าด้วน เจ้าด้วนแกก็ดึงเรือกลับ กลางคืนเหมือนกัน รายนั้นเมื่อเห็นเจ้าด้วนดึงเรือกลับมาถึงตลิ่ง เขาปล่อยมือก็ดันเรือออกมาพายออกมาอีก เจ้าด้วนก็ดึงเข้าไปอีก พ่อเจ้าประคุณคนนี้้ขี้โมโหเลยเอามีดฟันปั๊บลงไปให้ บอกเอาไว้ด้วนแขนขาดละมึง เท่านั้นแหละ พอพายเรือต่อไปพ่อเจ้าประคุณด้วนก็เดินเลาะตลิ่งไปร้องตะโกนว่า ต่อที ต่อที แกฟันแขนข้าขาด แขนข้ารุ่งริ่งแล้วต่อให้ทีเหอะ ข้าไม่มีแขนข้าจะทำยังไง มันก็เดินตามไป เจ้านั่นอดรำคาญไม่ไหว ก็แวะเข้าไปข้างตลิ่ง เอาหญ้ามาผูกติดกัน บอกเอ้าเจ้าด้วน ข้อต่อแขนให้เอ็งแล้ว เอ็งอย่าร้องรำคาญไปนะ เขาก็เลยบอกเออ ต่อให้ข้ายังงี้ก็ค่อยยังชั่วหน่อย หัวหน้าไม่มีแล้ว แขนขาดอีกข้าก็แย่น่ะซี ก็เป็นอันว่า เจ้าด้วนก็ไม่รบกวนละคราวนี้ อ้างอิงข้อมูลจากหนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน เล่ม ๑ โดย หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ครับ |