เรื่องจริงอิงนิทาน ตอน พระเจ้าตากสิน ตอนที่ 1 ใน พ.ศ. ๒๕๐๐ ปีนั้นป่วยมาก แล้วก็ไปนอนรักษาอยู่ที่กรมแพทย์ทหารเรือไปนอนอยู่ที่ตึก ๑ เป็นตึกพิเศษ นอนไปได้ ๒ คืน ปรากฏว่าคืนที่ ๒ นั้น เวลาประมาณ ๔ ทุ่ม มันกี่นาฬิกาล่ะ ๒๒ นาฬิกากระมัง พูดภาษาเก่ากันดีกว่า เรียกว่า ๔ ทุ่มเศษ ๆ ไฟฟ้าในห้องยังไม่ดับ แล้วประตูก็ใส่กลอนถึงเวลานอน นอนคนเดียว ยังไม่หลับเหมือนกัน ปรากฏว่าปรตูลงกลอนแล้วมีคนผ่านเข้ามา คน ๆ นั้นนุ่งกางเกงสีขาวแค่เขา เป็นกางเกงขาสั้นใส่เสื้อสีขาว รูปร่างหน้าตามีส่วนมีทรงสวยมาก หมายความว่าเป็นลักษณะผู้ชายที่อยู่ในเกณฑ์สวย ท่านทางแข็งแรงทะมัดทะแมงมาก มายืนอยู่ที่ข้างมุ้ง ไฟฟ้ามันยังไม่ดับก็เห็นชัด จะหลับตาก็เห็นจะลืมตาก็เห็น ก็ถามว่าใคร ท่านผู้นั้นก็รายงานว่า ผมคือพระเจ้าตากสิน
ความจริงพระเจ้าตากสินนี้ ผู้พูดเองขณะที่ป่วยใหม่ ๆ ไปนอนอยู่ที่นั่น ทราบว่าเป็นเขจของท่านเพราะเป็นจังหวัดธนบุรี เวลาบูชาพระก็พูดถึงท่านว่าขอฝากตัวด้วย ในฐานะที่มาอยู่ในเขตของประองค์ ขอให้พระองค์ให้ความคุ้มครอง หากว่าจะมีผีหรือเปรตตนใดมากลั่นแกล้งก็ขอให้ช่วยกำจัดให้พ้นไปด้วย เพราะว่าไม่สบายอยู่ จะตกอกตกใจ การรักษาโรค โรคที่เป็นอยู่มันจะกำเริบขึ้น อธิษฐานอย่างนี้มาสองคืน คืนนั้นก็ปากฏว่าท่านมา ท่านบอกว่าท่านเป็นพระเจ้าตากสิน มองแล้วลักษณะไม่น่าจะเป็นกษัตริย์แต่เป็นคนดี ทรงดีมาก ท่าทางดีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง สมควรแก่การเป็นนักรบ แต่ไอ้การนุ่งกางเกงขาสั้นตัวเดียวแล้วใส่เสื้อแขนสั้น แต่ก็สุภาพ ก็เลยบอกกับท่านว่ากษัตริย์นี่เขาแต่งตัวกันแบบนี้หรือ
คนที่แต่งตัวเป็นอสุรกุ๊ย แล้วบอกว่าเป็นกษัตริย์ ใครเขาจะเชื่อ ไม่เชื่อหรอก ถ้าเป็นกษัตริย์จริง ๆ ลองแต่งกายทรงกษัตริย์มาให้ดูซี ท่านบอกว่าถ้าสงสัยอย่างนั้นก็ได้ ประเดี๋ยวจะแต่งให้ดู แล้วก็ไม่เห็นไปเอาเสื้อกางเกงที่ไหนมาใส่ ปรากฏว่าเครื่องทรงกษัตริย์มีครบถ้วนบริบูรณ์ เอาเข้าไปยังงั้น มองดูแล้วก็แปลกใจ ไม่เห็นไปแต่งที่ไหนนี่ มันเกิดขึ้นเอง ท่านก็ยิ้ม ถามว่าเชื่อหรือยัง ก็เลยบอกว่าเชื่อ ถ้าแต่งตัวแบบนี้เชื่อ แต่ว่าจะเป้นพระเจ้าตากสินจริงหรือไม่จริงก็ช่างเถอะ ในฐานะที่มาเยี่ยมอาตมาได้ อาตมาก็ขอบใจ อาตมาขอความคุ้มครอง เกรงว่าผีที่เป็นมิฉาทิฏฐิทั้งหลายจะกลั่นแกล้งทำให้ตกใจ ถ้าโรคมันกำเริบหมอเขารักษาไม่เสียสตางค์อยู่แล้ว ไม่ต้องเสียค่ายา จะเปลืองยาเขามากเกิดไป ท่านก็ยิ้ม
อ้างอิงข้อมูลจากหนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน เล่ม ๑ โดย หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ครับ |