เรื่องจริงอิงนิทาน ตอน ผีพระ ตอนที่ 2
พอวันรุ่งขึ้นก็ออกเดินทาง ขณะเดินทางก็นึกถึงหลวงพ่อปานนึกถึงครูบาอาจารย์ นึกถึงเทวดา นึกถึงพระทั้งหมด นึกอยู่ตลอดเวลา พอเรือบ่ายเข้าปากคอลงแพงพาย อากาศครึ้ม ฝนเริ่มตกพรำ ๆ จริง ๆก็นึกว่า เอ พระท่านโปรดเราแล้ว เรือวิ่งเข้าคลองไปสักชั่วโมงก็ถึงวัด ตอนนี้พอขึ้นไปชาวบ้านเขารู้กำหนดเขาก็มาต้อนรับกันมาก เรียกว่ามากันเกือบทั้งตำบล ทั้งผู้ใหญ่ เด็ก ๆ ก็พอมีบ้าง ขึ้นไปเขาปูเสื่อปูสาดไว้ พอนั่งเรียบร้อย พอเขาประเคนหมากบุหรี่เสร็จเท่านั้นแหละฝนลงขนาดหนัก เม็ดโต ๆ มองนาฬิกาไว้ ๒ ชั่วโมงพอดี พอครบ ๒ ชั่วโมงก็ขาดเม็ดอากศโล่ง ไม่มีกะปริบกะปรอย ก็นั่งคุยกับบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท มีโยมคนหนึ่งแกมาบอกว่า ชื่อโยมเผือก บอกว่าท่านเจ้าคะฝนตก ๒ ชั่วโมงก็มากอยู่แล้ว
ดินที่นี่สวกมาก เพราะฝนไม่ตกมานาน อยากจะได้อีกสักชั่วโมงก็ดีละ แกว่างั้นทีนี้ผู้พูดก็ปากไม่ดี บอกโยมนี่มันกลางวัน ถ้าตกหนักแล้วก็เดินกันลำบากคนไปคนมา เอาไว้เวลากลางคืนซี เวลาตี ๒ ตรง ตกอีกสักชั่วโมงมันนอนสบาย นี่พูดไปยังงั้นน่ะ ไม่มีเจตนาอะไร หรือว่าจะอวดวิเศษอะไรหรอก ก็พูดล้อกันเล่น คิดว่าเวลาตี ๒ นี่มันหลับแล้วนี่ ฝนจะตกยังไงก็ช่างมัน ทีนี้การพูดแบบนี้นี่เป็นชวนให้ชาวบ้านตั้งเกณฑ์คอยดูกันอีก เป็นอันว่าคนที่มาทั้งหมดแกไม่ยอมกลับบ้านกันแกจะดูว่าเวลาตี ๒ น่ะ ฝนมันจะตกไหม คราวนี้ก็เลยเกิดความหนักใจ ก็เลยบอกว่าไอ้ที่พูดน่ะฉันพูดเล่นนะ ไม่ฉันไม่รับรองว่าฝนจะตก ถ้าหากว่าท่านจะตกก็ตกไม่ตกฉันก็บังคับไม่ได้นะ หลายคนเขาบอกว่า ต้องได้ขอรับ เพราะว่าท่านมานี่ผมขอฝนไว้ พอท่านมานี่ฝนตกตั้งสองชั่วโมง วัวควายสบายใจ ชาวบ้านสบายใจกันมาก ผมคิดว่าตี ๒ จะต้องตก ก็เลยบอกว่าเป็นเรื่องของพระ ของเทวดา ของพรหมท่าน ถ้าหากว่าท่านสงเคราะห์ก็ได้
ท่านไม่สงเคราะห์ก็แล้วไป อย่ามาหาว่าฉันดีนะ ตัวฉันเองฉันไม่มีอะไรดีหรอก ที่ฝนตกลงมาได้ก็อาศัยพระพุทธเจ้า บารมีพระพุทธเจ้า บารมีพระธรรม พระสงฆ์ พรหม และเทวดาท่านสงเคราะห์ แต่พวกนั้นก็ไม่ยอมเชื่ออะไร คอยกันอยู่จนกระทั่งตี ๒ เวลากลางคืน ปรากฏว่าดาวเต็มฟ้า สว่างไสวไม่มีท่าทีว่าฝนจะตก คนที่นั่งคุยต่างคนก็ต่างมองนาฬิกาจะไม่ยอมนอน ผู้พูดก็นอนไม่ได้ แต่นั่งมองนาฬิกาคิดว่าเมื่อไรจะตี ๒ มองดูอากาศดาวก็เต็มฟ้า มีคนเตือนบอกใกล้จะตี ๒ อีก ๒-๓ นาที แล้วขอรับ ดาวยังเต็มฟ้าก็เลยบอกกับแกว่าฉันไม่ได้รับรองนี่ ว่าฝนจะตก แกอย่างนั่งแกก็นั่งไปซี แกมาทรมานฉันด้วยนา พวกแกไม่ไปฉันก็นอนไม่ลง เขาบอกไม่เป็นไรหรอก ถ้าตี ๒ ฝนไม่ตกต่างคนต่างก็นอนกันที่วัดนี่แหละ พอเวลาเลื่อนแกร๊ก ตี ๒ ครั้งแรกเป๊ง ฝนตกพอดี เม็ดหนัก ๆ ดาวที่เต็มฟ้าไม่ทราบว่าหายไปไหนหมด ลงหนักจริง ๆ อย่างกลางวันอีก ๑ ชั่วโมง เวลาตี ๒ ตรงตี ๓ นะ พอเป๊งแรกฝนหยุด ก็เกิดเป็นเรื่องอัศจรรย์
ตานี้ทุกคราวเวลาที่ไปที่นั่นก็ต้องเอาฝนไปด้วย เพราะเขาสั่งไว้ว่าเวลามาขอฝนด้วยนะขอรับ จึงต้องอาราธนาพระพุทธชินราชให้ฝนตกมากบ้าง น้อยบ้าง ตามความต้องการของประชาชน ปีนั้นรู้สึกว่า เป็นอัศจรรย์ ทีนี้เรื่องของฝนตกนี่ก็เป็นเกณฑ์สำคัญอยู่เหมือนกัน เป็นเรื่องใหญ่ที่เป็นเครื่องจูงใจประชาชน
อ้างอิงข้อมูลจากหนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน เล่ม ๑ โดย หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ครับ |